ก่อนอื่นผมต้องเกริ่นว่า สำหรับใครที่คิดว่าคนที่เปิดคลาสสอน Shopee ทำ Content Shopee / Lazada / TikTok มีเพจคนตามเกือบแสนคน
แล้วคิดกันไปเองว่าผมต้องเก่งกว่าคุณทุกอย่างไปหมด คุณคิดผิด!!
เพราะจริงๆ สิ่งที่ผมนำมาแชร์เกิดจากประสบการณ์ที่ได้ลงมือทำ
และการลงมือทำ ไม่ได้แปลว่าทุกคนจะได้ผลลัพธ์ที่เท่ากันเสมอไป
เพราะที่แน่ๆ ถ้าสินค้าคุณแตกต่าง จุดเด่นคุณแตกต่าง และ พื้นฐานคุณแตกต่าง มันจะไม่มีทางได้ผลลัพธ์ที่เหมือนกันเลยครับ
ฉะนั้นบทความนี้เป็นการแชร์ประสบการณ์ของผม
ซึ่งมันถูกต้อง และ เป็นเรื่องจริงของผม
แต่มันอาจไม่ถูกต้อง และไม่จริงสำหรับคุณก็ได้
เอาเป็นว่าอ่านแล้วอย่ากดดัน
อ่านแล้วเลือกเก็บเกี่ยวสิ่งที่มีประโยชน์ไปใช้ก็พอครับ
ถ้าเข้าใจและพร้อมแล้ว เรามาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ
อันนี้เป็นสถิติที่ผมกดย้อนดูไป 30 วัน ครับ
ผมกด LIVE ไป 30 ครั้ง
เวลารวมในการขึ้น LIVE 48 ชั่วโมง 33 นาที 51 วินาที
ยอดเข้าชม 23,400 ครั้ง
ผู้ชม 19,400 คน
ค่าเฉลี่ยในการดู 49 วินาที
ดูพร้อมกันสูงสุด 44 คน
ได้ผู้ติดตามใหม่จากการ LIVE 192 คน
ได้คำสั่งซื้อ 122 ออเดอร์
ตกเป็นรายได้ 244,500 บาท
โดยผมออกแบบเงื่อนไขในการ LIVE ว่า
– ขึ้น LIVE อย่างต่ำ 1 ชั่วโมง โดยใช้เวลาว่างหลังเลิกงานมาทำ
– ไม่ยิง Live Ads
– ไม่แจก Coin
– ไม่เข้าโปรแกรม Shopee LiveXtra (ไม่ยอมเสียค่าธรรมเนียมเพิ่ม)
– ไม่จ้าง KOL
– ไม่ตั้งค่าพาร์ทเนอร์ (ไม่ให้ Extra Comm คนหยิบสินค้าไปปักตะกร้าขาย)
ทั้งหมดนี้มีเหตุผลอยู่ครับ อยากรู้ว่าทำไม ไถอ่านต่อไปเรื่อยๆครับ
สิ่งที่ผมเรียนรู้ และ พอแบ่งปันให้คุณได้บ้าง คือ
1. ใครบอก LIVE แล้วขายดี ให้ดูสาเหตุที่ลึกกว่านั้น
ถ้าใครบอกว่าขึ้น LIVE แล้วจะขายดีแบบขายดีมากกกก
เอาตัวเลขยอดขายมาอวดเยอะๆ
มันมีความจริงอยู่ครับ แต่ต้องวิเคราะห์ต่อให้ดี เพราะ
สินค้าหลายชนิด ต่อให้คุณไม่ขึ้น LIVE
แต่ถ้าสินค้าดี และ มีคนอยากได้อยู่แล้ว
ต่อให้คุณไม่ขึ้น LIVE คนก็ซื้ออยู่ดี
แต่การขึ้น LIVE และมีการตอบโต้กับลูกค้า
มันทำให้ตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น จ่ายเงินไวขึ้น อันนี้จริง
ถ้าให้ผมเล่าให้ฟังตรงๆ คือ สรุปว่าดีกว่าไม่ทำอะไรเลย
2. ตัวสินค้าที่เอามาขายใน LIVE เองมีผลมาก
ถ้าราคาสูง และ ซื้อซ้ำยาก
การขึ้น LIVE โดยเอาโค้ดใน LIVE มาให้ลูกค้ารีบกดซื้อ แทบไม่มีประโยชน์
ยกตัวอย่างสินค้าที่ผมขาย
ไม่ได้เป็น Limited Edition (จำนวนจำกัด)
หาได้ทั่วไป
และมีค่าเฉลี่ยต่อคำสั่งซื้อ 2000 บาท ซึ่งถือว่าสูง
หากจะเอาโค้ดใน LIVE
ที่มีส่วนลดเพิ่ม 80-120 บาท มาให้ลูกค้า
ลูกค้าก็ไม่หวั่นไหวพอที่จะอยากซื้อ เพราะมันแทบไม่ลดเลย
3. การเข้าโปรแกรม LiveXtra (Live โค้ดโหด) ไม่ได้เหมาะกับทุกคน
ก่อนที่อยากจะได้โค้ดมาแจกเพราะลดเยอะๆ
คุณต้องศึกษาก่อนว่า
3.1 เข้าไปแล้วได้ส่วนลดเป็นยังไง?
3.2 เข้าไปแล้วต้องเสียค่าธรรมเนียมเพิ่มอีกเท่าไหร่?
3.1 เข้า LiveXtra แล้ว ได้ส่วนลดเพิ่มจากร้านปกติทั่วไปยังไง?
ต้องเล่าเป็นฉากๆ งี้ว่า
มันจะมีช่วงที่ Shopee อยากดันอะไรเป็นพิเศษ
หมวดหมู่นั้นอาจมีโค้ดลดเพิ่มมากกว่าปกติ
เช่น ช่วงนี้ Shopee ผลักสาย Fashion และ Beauty มาก
(ตลาดใหญ่ มีความต้องการสูง และต้องแข่งขันกับ Platform อื่นๆ)
โดยเฉพาะช่วงเวลา 20:00-22:00 ของทุกวัน
จะเห็นได้ว่า ถ้าเป็นร้าน LiveXtra + ส่วนลดร้านโค้ดคุ้ม
(ร้านค้าต้องจ่ายค่าโปรแกรมส่งเสริมการขายเพิ่มให้ Shopee)
ลูกค้าจะมีโค้ดพิเศษลดเพิ่ม 30% สูงสุด 300 บาท
แต่ถ้าเป็นร้าน LIVE ทั่วไป ที่ไม่ได้เข้า LiveXtra
มีโค้ดลดเหมือนกัน แต่ลด 30% สูงสุด 150 บาท
ช่วงวัน Campaign ใหญ่ๆ เช่น ต้นเดือน วันเลขเบิ้ล กลางเดือน ปลายเดือนส่วนลด 50% ลดสูงสุด 100 บาท (หมดไวมากแบบไม่กี่วินาที)
ส่วนลด 40% ลดสูงสุด 120 บาท
ส่วนลด 30% ลดสูงสุด 120 บาท
ส่วนวันปกติทุกวัน จะมี
ส่วนลด 50% ลดสูงสุด 100 บาท (หมดไวมากแบบไม่กี่วินาที)
ส่วนลด 40% ลดสูงสุด 100 บาท
ส่วนลด 30% ลดสูงสุด 100 บาท
ส่วนร้านที่ไม่เข้าร่วม (ไม่ยอมเสียเงินค่าโปรแกรมนี้เพิ่ม) จะมีโค้ดแบบนี้
ส่วนลด 30% ลดสูงสุด 80 บาท
ส่วนลด 20% ลดสูงสุด 80 บาท
จริงๆ สำหรับใครที่อยากศึกษาเพิ่ม จะบอกว่าส่วนลดพวกนี้
มันมีเงื่อนไขด้วยครับ ว่าโค้ดลดใช้กับสินค้าประเภทไหนได้ หรือไม่ได้
(ไม่ได้ใช้ได้กับทุกสินค้านะครับ)
ข้อกำหนดส่วนใหญ่จะมีว่า
โค้ดใช้ได้กับสินค้าที่ร่วมกิจกรรมใน Shopee Live เท่านั้น
ยกเว้น สินค้าตั๋วและบัตรกำนัล, นมผงสำหรับเด็กสูตร 1 และ 2, ทองคำแท่ง, ทองคำแผ่น, สร้อยคอทองคำ, แหวนทองคำ, ต่างหูทองคำ, สร้อยข้อมือทองคำ, เพชร, สร้อยคอเพชร, แหวนเพชร, ต่างหูเพชร, สร้อยข้อมือเพชร, และสินค้าควบคุมตามกฎหมาย อ่านเพิ่มที่นี่ เพราะอาจมีการเปลี่ยนแปลงทีหลัง
3.2 เข้า LiveXtra ต้องเสียค่าธรรมเนียมเพิ่มอีกเท่าไหร่?
ถ้าคุณไม่ได้เข้าโปรแกรมส่งฟรี หรือ โค้ดคุ้ม คุณจะเสียเพิ่มอีก 3.21%
ถ้าคุณเข้าอย่างใดอย่างหนึ่งคุณเสียเพิ่มอีก 2.14%
อ่านรายละเอียด และ กดสมัคร Shopee LiveXtra Program ได้ตรงนี้ครับ
4. เทคนิคการตัดสินใจว่าจะเข้าโปรแกรม LiveXtra ดีไหม คือ การสวมบทบาทมามองในมุมคนซื้อ
ถ้าขายของแพง ลดแค่ 80 บาท 100 บาท มันไม่เร้าใจมากพอที่คนจะซื้อ
ระหว่างการ LIVE ผมถามคนดูว่า
ถ้าผมขายสินค้าแบบ 1 หรือ 2
แบบไหนคุณหวั่นไหวอยากซื้อมากกว่า? คุณว่าแบบไหน?
เพราะขายสินค้าที่มีราคาและส่วนลดแบบที่ 1 มันลดน้อยเกิน
จึงแทบไม่มีผลในการตัดสินใจที่ต้องรีบซื้อตอนนี้เลย
5. Live Ads และ แจก Coin อาจไม่ได้จำเป็น และไม่ได้เหมาะกับทุกสินค้า
คือ เราต้องรู้พฤติกรรมลูกค้าของเราก่อน ว่าเป็นกลุ่มไหน
ผมอธิบายให้ฟังว่า สินค้าของผมเป็นกล้อง
และค่าเฉลี่ยในการซื้อคือ 2000 บาท ต่อคำสั่งซื้อ
ผมถามคนดูว่า เป็นไปได้ไหม?
ที่ผมแจก 0.5 Coin ทั้งวันเลย!!
แล้วคนที่เข้ามารอเก็บ Coin รอ 5 นาที
อยากซื้อของราคา 2000+ ทันที!
คำตอบคือ ไม่ แน่ๆ ถ้าสินค้านั้นไม่เกี่ยวกับเค้าเลย
6. สินค้าที่เหมาะ คือ สินค้าที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย
ลองคิดเล่นๆว่าคนส่วนใหญ่ที่เข้ามารอเก็บเหรียญ
เป็นคนแบบไหน ลักษณะการใช้ชีวิตประมาณไหน?
ที่ยอมเอาเวลา 5 นาที มารอแลกกับเงิน 0.5 บาท (หรือน้อยกว่านั้น)
คำตอบคือ อาจจะเป็นพวกแม่บ้าน
หรือคนที่อยู่บ้าน นั่งว่างไม่มีอะไรทำ
แล้วเปิดดูทิ้งไว้เหมือนพวกรายการ TV Direct ก็ได้
ถ้าสินค้าที่คุณนำมาขาย ไม่ได้เกี่ยวข้อง ซื้อได้ง่าย ตัดสินใจได้ง่าย
การยิงโฆษณา หรือ ขาย คุณอาจได้ไม่คุ้มเสียแน่ๆ
ยกตัวอย่างสินค้าที่พอเป็นไปได้ คือ กลุ่มแม่บ้าน ซื้อง่าย มีโอกาสซื้อซ้ำ เช่น น้ำมันพืช ครีมอาบน้ำ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดบ้าน ซึ่งเป็นสินค้าที่มีใช้กันในทุกครัวเรือน มีราคาไม่สูง และยังมีโอกาสที่จะขายได้มากกว่ากล้องที่ผมขายแน่ๆ
7. นี่คือเหตุผลง่ายๆที่ตอบคำถามหลายคนได้ว่า
ทำไมยิงโฆษณาแล้วขายไม่ได้ มีคนดู ไม่มีคนซื้อ ไม่คุ้ม
และทำไมผมไม่เลือกที่จะยิงโฆษณาเพิ่มเลย
เพราะ ต่อให้ยิง มียอดการมองเห็นมากขึ้น
แต่สินค้าผมเฉพาะกลุ่มเกินไป ไม่คุ้มค่าที่จะทำให้คนเห็นลักษณะนี้
และหากคุณยังนึกภาพไม่ออก ผมแนะนำ
ให้คุณค่อยๆอ่านตั้งแต่ข้อ 1-6 อีกรอบนึง
เผื่อได้ไอเดียเพิ่มเติม
ข้อดีอย่างสุดท้ายที่ผมได้โดยไม่รู้ตัวเลยคือ การมีวินัยกับตัวเองครับ
(ผมว่าดีกว่าผมได้เงินแสน)
คือหลายคนเวลาขายไม่ได้ ขายไม่ดี
มักจะติดนิสัยทำแบบเดิม (ติดนิสัยทำ Autopilot)
แต่อยากได้ผลลัพธ์ที่ต่างออกไป
ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เลย!!
ช่วงที่ผมเริ่ม LIVE เป็นช่วงที่ผมรู้สึกว่ายอดขายไม่ดี
จะทำ Content ก็ทำอยู่แล้ว
ยิง Ads ก็ยิงอยู่แล้ว
ผมรู้สึกว่า ผมอยากท้าทายทำอะไรซักอย่างเพิ่ม
อยากรู้ว่าเราทำแล้วจะได้อะไร จากการเรียนรู้ในการลงมือทำ
อยากรู้ว่าเราทำแล้ว จะได้แรงเหวี่ยงให้เราไปเจออะไรอีกไหม
ผลสุดท้าย นอกจากได้ยอดขาย ได้รู้ปัญหาลูกค้าเพิ่ม
ได้รู้วิธีแก้ปัญหา เตรียมรับมือตอบคำถามเฉพาะหน้าเพิ่ม
เราก็ได้ประสบการณ์ที่สัมผัส
การคุยคนเดียว 5555
การไม่คาดหวัง (หลายครั้ง LIVE แล้วได้ 0 บาท)
การสู้ไม่ถอย (จะไม่ลง LIVE จนกว่าจะขายได้)
การยอมรับว่าอยากได้นิสัยใหม่ ต้องทำสิ่งใหม่ให้เป็นนิสัย
การยอมรับว่า ทำแบบเดิมได้แบบเดิม
ผมยกตัวอย่างใน LIVE ว่า ผมไม่ได้ลำบากอะไรมากขึ้นหรอก
ผมแค่แบ่งเวลาจากการอ่านการ์ตูน / ไถ Feed Social เสือกเรื่องชาวบ้าน มาเสือกเรื่องที่ตัวเองควรทำเท่านั้นเอง
หวังว่าประสบการณ์ที่ผมนำมาแชร์ จะมีประโยชน์นะครับ
ใครอ่านจบแล้ว อยากแชร์ความคิดเห็นกัน
ฝาก Comment ไว้ด้านล่างได้เลยฮะ
(เป็นกำลังใจที่ดีมากสำหรับการเขียน หรือ การแชร์ครั้งถัดไป)
ไม่ Comment ไม่ Post ต่อ!!
ผมบอกเลยจากการผ่านประสบการณ์ LIVE 0 คนดู ยอดขาย 0 มานาน การคุยกับตัวเองในกระจก หรือกระดาษโดยไม่ต้องใช้เวลามาเขียนเพื่อแบ่งปันใคร มันโคตรง่ายไปเลย 555
ฉะนั้นอ่านจบ Comment ซะนะจ้ะ
ก่อนอ่านรู้สึกยังไง?
อ่านจบรู้สึกยังไง?
อยากบอกอะไรผมบ้าง?
ไม่ครบ 10 comment ไม่มี Post ถัดไป 555
(ผมยังคับให้คุณ Comment เพราะอยากให้คุณทำเพื่อ Reflect ความคิดตัวเอง จะได้ไม่อ่านแล้วผ่านไป)
สำหรับใครที่อยากดู LIVE ย้อนหลัง (ไม่ตัดต่อ)
เพื่อให้เข้าถึงอารมณ์ได้มากกว่าการอ่าน
ผมมีเปิด Subscription ผู้สนับสนุน เดือนละ 319 บาท
คิดว่าจะมาแบ่งปันเรื่อยๆ หน้าเพจ
ซึ่งคุณไม่ต้องสมัครก็ได้ แต่พอ LIVE จบปุ๊บ
จะมีเฉพาะสมาชิกที่ดูย้อนหลังได้ครับ
ซึ่งคนไหนที่เป็นสมาชิก
สามารถ Request เนื้อหาที่อยากให้แชร์ครั้งถัดไปได้
และจะเลิกสมาชิกรายเดือนเมื่อไหร่ก็ได้ครับ
ใครสนใจกดสมัครตรงนี้หน้าเพจ Jade : เลือดสาดมาร์เก็ตติ้ง ได้เลย
สำหรับใครไม่อยากพลาดเนื้อหา หรือ LIVE ถัดไป
อย่าลืมกดติดตาม Jade : เลือดสาดมาร์เก็ตติ้ง
เพจจริงต้องมีเครื่องหมายติ๊กถูกสีฟ้า