Categories
Lazada Seller Note

ทำไมต้องเข้าแคมเปญถึงขายดี? Lazada Step UP your Success 2024 (ตอนที่ 4)

ก่อนเล่า Session นี้ ผมขอเพิ่มเติมเกร็ดเล็กน้อยนิดนึงครับ

เวลาคุณดูสัมมนาเพื่อเสนอขายอะไรบางอย่าง
ผมอยากให้คุณสังเกตดู ลำดับการนำเสนอดีๆครับ

ถ้าสุดท้ายจุดประสงค์ของงานคือการจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมการขายให้บริษัทฯ หรือ องค์กรตัวเอง เค้ามีการเรียงลำดับการขายยังไง?

ผมแกะมาให้ตามนี้ครับ

ช่วงที่ 1 : พูดถึงความประสบความสำเร็จในปีที่ผ่านมา
(ขายความเชื่อมั่น)

ช่วงที่ 2 : พูดเรื่องสถิติที่สนับสนุนสิ่งที่ตัวเองทำ
(ขายอนาคต)

ช่วงที่ 3 : พูดถึงเส้นทางขายดี แนวทางที่ Lazada เตรียมไว้ให้คุณ
(ขาย Seller Package + Premium Package)

ช่วงที่ 4 : พูดถึงความสำคัญของการเข้าแคมเปญ
(ขายความสำคัญของการเข้าแคมเปญ)

ช่วงที่ 5 : พูดถึงอยากขายดีต้องทำให้คนเห็นด้วยการซื้อโฆษณา
(ขายความสำคัญของการซื้อโฆษณาเพิ่ม)

ช่วงที่ 6 : เชิญแบรนด์ที่ขายดี (Testimonial) และ ให้รางวัล
(ขยายและตอกย้ำสิ่งที่คนขายอยากได้ อยากเป็น)

เห็นไหมครับ Lazada ไม่ได้เริ่มเริ่มวกเข้า Session ขายของแต่แรก
แต่เพิ่งมาขายช่วงที่ 3 เป็นต้นไป

คนเราอยากขายอะไรให้ได้ราคา ต้องขายความเชื่อก่อน เพราะมันจะได้ทำราคาได้ดีครับ!

Step การขายแบบนี้แหละ ที่เค้าจะใช้กันบ่อย
ลองเอาไปปรับใช้และสังเกตดูครับ

Session นี้ ถ้าให้ผมสรุปแบบภาษาเพื่อนเล่าให้คุณฟัง


ตรงนี้ไม่มีข้อมูลมาจาก Lazada แต่เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะ

สมมุติคะแนนสินค้าที่ขายดี คือ เต็ม 10
10 คะแนนนี้ ต้องประกอบด้วยอะไรบ้าง?

4 คะแนน เป็นสินค้าที่ดี มีความต้องการและเหมาะกับกลุ่มเป้าหมาย
1 คะแนน เป็นสินค้าที่มีรีวิวดี
3 คะแนน เป็นสินค้าที่ใช้โค้ดส่วนลด แล้วคุ้มค่ากว่าร้านอื่น
2 คะแนน เป็นสินค้าที่คนต้องเห็นคุณด้วย


เพราะถ้าไม่เห็น สิ่งที่คุณทำตั้งแต่ต้น มันไม่มีประโยชน์เลย

เรามาพูดถึงเรื่องการเพิ่มการมองเห็นเพื่อให้เกิดการขายดีใน Lazada ครับ
การที่คุณอยากให้สินค้าที่คุณมีการมองเห็นที่ดี และมีการสั่งซื้อที่ง่าย
ถ้าคุณดูจากภาพด้านล่าง คุณจะเห็นได้ว่า
1. ยอดขายส่วนใหญ่บน Lazada เกิดจากการเข้าร่วมแคมเปญ
2. สินค้าในช่วง Mega Campaign จะขายดีกว่าวันปกติ
3. จากสถิติพบว่าคนซื้อนิยมใช้โค้ดส่งฟรีเยอะขึ้น
4. จากสถิติพบว่าคนซื้อจำนวนมากใช้โค้ดส่งฟรี + ส่วนลดพร้อมกัน
5. ลาซาด้าบอกว่าปีนี้ได้มีการทุ่มงบทำโค้ดส่วนลดให้มากขึ้นด้วยนะ
(ใช่เหรออออ 555)

เพราะฉะนั้นแปลว่าถ้าอยากขายดี ก็ต้องเข้าร่วมแคมเปญ (เพราะยอดขายส่วนใหญ่มาจากแคมเปญ) และ Lazada ก็มีแคมเปญให้ร่วมประมาณนี้

สังเกตไหมครับว่า ตัวเลขทั้งหมดที่ยอดขายเพิ่ม มาจากแคมเปญ
ถ้าคุณลงสินค้าเฉยๆ แล้วขายไม่ดี มันบ่งบอกว่าเพราะคุณไม่เข้าร่วมเอง

ทำไมเข้าแคมเปญถึงขายดีน่ะเหรอ?
1. เพราะ Lazada ทำการตลาด Promote ดึงคนให้เข้าทุกแคมเปญอยู่แล้ว (และคนที่ซื้อใน Lazada เป็นประจำ จะรู้ดีอยู่แล้วว่าต้องซื้อช่วงไหนถูกและคุ้มค่า)
2. Lazada มีโค้ดลดเพิ่มในช่วงแคมเปญ และใช้ได้กับเฉพาะสินค้าที่ร่วมแคมเปญเท่านั้น
นั่นแปลว่า ต่อให้คุณลงขายสินค้าใน Lazada เหมือนคนอื่นก็จริง
แต่สินค้าคุณไม่ได้เข้าแคมเปญ สินค้าคุณก็จะใช้โค้ดส่วนลดของ Lazada ไม่ได้เลย
3. สินค้าที่เข้าแคมเปญ จะได้รับการติดป้าย Tag พิเศษ และ ช่วงแคมเปญแอพก็จะดันสินค้าในแคมเปญให้เห็นเยอะขึ้น
นั่นหมายความว่า สินค้าที่ไม่ได้เข้าร่วมแคมเปญ คนจะเห็นน้อยมาก

ซึ่งตะกี้ Lazada เพิ่งบอกเองไงว่า เข้าร่วมแคมเปญแล้วขายดี
ก็แค่เล่นบาลีป่ะ คือ ถ้าไม่เข้าร่วมแล้วขายไม่ดีก็ปกติหนิ 555

และ หากคุณคิดว่าจะเข้าร่วมเฉพาะแคมเปญใหญ่ๆก็พอแล้วมั้ง
ผมก็คงจะต้องบอกว่า คุณอาจคิดผิด เพราะคนขายประจำที่ทำยอดได้ดี เค้าเข้าร่วมได้ทุกแคมเปญใหญ่ แคมเปญย่อยเลยอ่ะ


ซึ่ง Lazada บอกว่า แคมเปญย่อยๆ (Category Campaigns) ที่เมื่อก่อนก็มีแหละ แต่มีน้อย ตอนนี้จะเพิ่มจำนวนให้มากขึ้นไปอีก!!

นั่นแปลเป็นความหมายในมุมผมว่า
ต่อจากนี้ จะแทบหาวันปกติที่ไม่มีแคมเปญใน Lazada ยากมากขึ้นมาก เพราะเข้ามาวันไหนก็แทบจะเรียกว่าถูกทุกวัน (แตกต่างแค่วันนี้ มันถูกวนไปแคมเปญของหมวดหมู่สินค้าอะไรแค่นั้นเอง)

ยิ่งตอกย้ำไปอีกว่า
คนขายที่เข้าร่วมอะไรไม่ได้ ยิ่งหมดสิทธิ์ขายได้เลย
เมื่อเทียบกับร้านค้า และผู้ขายที่พร้อมอยู่แล้ว

คุณอาจขายได้เพราะความบังเอิญ เช่น
บังเอิญมาเจอสินค้าคุณพอดี (ที่การมองเห็นน้อย)
บังเอิญเป็นคนที่ไม่ชอบใช้โค้ดส่วนลด (เพราะใช้ไม่เป็น)
บังเอิญรีบใช้และร้านอื่นๆ ที่ว่ามาไม่มี (ร้านขายดีปล่อยให้สินค้าตัวนี้หมดสต๊อก)

ยุคนี้ใน Lazada หาได้ยากมาก ที่จะพูดว่าแค่ลงสินค้าก็ขายดี
มันต้องพร้อมกว่าสมัยก่อนเยอะมาก
เพราะ ตอนนี้มีแต่แบรนด์ใหญ่ และ พ่อค้า แม่ค้า พร้อมสู้ตายในตลาดครับ

และจุดสำคัญที่คนขาย Lazada ทุกคนพูดเรื่องเดียวกัน คือ
ไม่ใช่ว่าอยากจะกดเข้าแคมเปญก็เข้าได้ง่ายๆ นะครับ

หากคุณไม่เคยขายบน Lazada เลย
ผมจะบอกว่าสินค้าที่เข้าร่วมแคมเปญ คุณต้องลดมากกว่าวันปกติ
และสินค้าที่เข้าร่วมแคมเปญได้ ต้องโดนบังคับให้เข้าร่วมโปรแกรมส่งฟรี


สรุปเป็นตารางได้ว่า
คุณต้องเผื่อค่าใช้จ่าย เพื่อลดค่าสินค้าอย่างน้อย 20%!!
1. ลดค่าสินค้าเพื่อเข้าแคมเปญอย่างน้อย 5-10% (แล้วแต่หมวด และ ความใหญ่แคมเปญ)
2. บังคับเข้าร่วมโปรแกรมส่งฟรีอีก 5.35% (ไม่เข้า ก็เข้าแคมเปญไม่ได้)
3. ค่าธรรมเนียมการขายและชำระเงินแบบพื้นฐานบน Lazada อยู่แล้ว ประมาณ 10.7-12.56%

ใช่ครับ คำว่าอย่างน้อย 20% คือ อย่างน้อยที่สุดจริงๆ
เพราะ ถ้าอยากจะให้เกิดการมองเห็นมากกว่านี้ ก็ต้องเพิ่มค่าโฆษณาอีก
และนี่ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายพื้นฐานอื่นๆ
เช่น ค่าแรงงาน กล่อง สถานที่ ภาษี นะครับ

ขายสินค้า 100 บาท
คุณโดนหักไปแล้ว 20 บาท เป็นอย่างน้อย (ยังไ่ม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ)
คุณคิดว่าคุณเหลือกำไรกี่บาทครับ
ถ้าไม่ใช่เจ้าของแบรนด์ หรือ ต้นแหล่งมาเอง 555

ถ้าค่าใช้จ่ายเยอะขนาดนี้ แปลว่าคุณต้องมีพื้นฐานในการตั้งราคามากๆครับ ถึงจะรอดในการจ่ายหนักและยังเหลือกำไร

สรุปช่วงนี้ที่ Lazada อยากบอกคือ อย่าลืมร่วมแคมเปญนะจ้ะ 555


สำหรับ Part 5 : เราจะมาพูดเรื่องการเพิ่มการมองเห็น (โฆษณา) ใน Lazada กัน (ไว้ว่างๆสรุปให้ฟังครับ)

อย่าลืมกดติดตาม Jade : เลือดสาดมาร์เก็ตติ้ง เพื่อไม่พลาดโพสถัดไปฮะ
เพจจริงต้องมีเครื่องหมายติ๊กถูกสีฟ้า

Categories
Lazada Seller Note

วิธีขายดีตามที่ Lazada แนะนำ จากงาน Lazada Step UP your Success 2024 (ตอนที่ 3)

สำหรับ Part นี้ จะเป็น Part ชี้ช่องรวย ที่ Lazada มาขายของครับ
ว่าผู้ขายที่ขายดี ทำอะไรบ้าง

ใครที่พลาดอ่านเนื้อหาเก่าๆ กดอ่าน
ตอนที่ 1 ภาพรวมแนวทางที่ Lazada กำลังทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ
ตอนที่ 2 สถิติที่น่าสนใจของนักช้อปไทย 2024

Lazada เล่าว่า การทำให้เป็นร้านขายดี มีสูตรสำเร็จเป็นขั้นตอนตามนี้

1. โตให้เป็น

ในทุกช่วงที่ยอดขายจะเติบโตขึ้นได้ การถ่ายรูป ลงสินค้า ให้ได้คุณภาพก็เป็นเรื่องท้าทายสำหรับผู้ขายหน้าใหม่แล้ว
แต่ทำแค่นั้นเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอหากินอีกต่อไปแล้วครับ
เพราะใครๆก็ทำเป็น

สิ่งที่สำคัญคือ คุณต้องอยู่ให้เป็นด้วย
การที่จะให้สินค้าใหม่ เกิดการมองเห็น และมีการผลักดันการมองเห็นจาก Platform คุณควรต้องเข้า Seller Packages ครับ

Seller Package คืออะไร?

รู้จักแพคเกจอินเตอร์เนทบ้านป่ะ ที่มีขายพ่วง เนทบ้าน เนทมือถือ?
Lazada ก็กำลังขายแพคเกจคล้ายๆกัน
ด้วยบริการที่ต่างออกไป เช่น
– เรียนรู้โดยการส่งสินค้าเข้าแคมเปญสิ จะได้เกิดการมองเห็นเยอะๆ
(แต่ต้องลดราคาให้ผ่านระบบนะ)
– เติมงบยิงโฆษณาตามที่ระบบแนะนำสิ
(เช่น New Seller จะมีภารกิจให้ทำโดยการเติมเงินโฆษณา 1000 บาท)
– ลองใช้ LazCoin สิ แล้ว Lazada จะสนับสนุน Seller Coin เพิ่มให้

ภารกิจที่ให้ทำจะยากขึ้นเรื่อยๆ ตามระดับรายได้ของผู้ขายแหละครับ
เช่น ยอดขายเท่านี้ ควรเติมค่าโฆษณารายเดือนเท่าโน้น เท่านี้ เป็นต้น

ผลักดัน Premium Package

เมื่อก่อน Lazada จะอยากให้คุณเข้าร่วมโปรแกรมส่งฟรี ที่คุณต้องโดนบังคับหักคอเสียเพิ่มอีก 5.35% จากค่าธรรมเนียมมาตรฐานที่เก็บคุณอยู่แล้วประมาณ 10.7% ในหมวดหมู่ทั่วๆไป

และคนขายที่อยากให้ลูกค้าใช้โค้ดได้มากๆ คุ้มๆ ก็โดนหักคอด้วยการที่ต้องออกค่าส่วนลดให้คนที่ซื้อในวันแคมเปญแบบ ร้านรับผิดชอบส่วนลดหน้าแอพไปอีก 60% : Lazada ช่วยลดให้อีก 40% หรือ แบบ 50 : 50

ผมว่ามันคงไม่เวิร์ค เพราะค่าธรรมเนียมมันจุกจิกเยอะเหลือเกิน
Lazada เลยผุด Premium Package ที่รวม โปรแกรมส่งฟรี + ค่าส่วนลดที่ร้านค้าต้องแบกช่วยแพลทฟอร์มออกส่วนลดให้คนซื้อเป็นโปรแกรมเดียว
และคิดเบ็ดเสร็จที่ 5.35% เท่าเดิม

ถ้าสรุปง่ายๆ คือ คุณเสียเพิ่มอีก 5.35% จากค่าธรรมเนียมปกติ
คนซื้อร้านคุณก็จะได้ใช้ทั้งโค้ดส่งฟรีของแอพ และโค้ดส่วนลดของแอพได้ครับ

แน่นอนว่าคุณไม่เข้าก็ได้ แต่ถ้าไม่เข้า ลูกค้าก็ไม่ซื้อคุณแน่นอน
เพราะ ผมเล่าให้ฟังในตอนที่แล้วไปแล้วว่า เดี๋ยวนี้นักช้อปออนไลน์มองหาส่วนลดและความคุ้มค่าเป็นอันดับ 1

สำหรับใครที่ไม่รู้ว่าจะเริ่มหาสินค้าขายดีจากไหนดี
คือ จริงๆแล้ว ร้านที่ขายดี ไม่ได้แปลว่ามีสินค้า 100 ชิ้น ต้องขายดี 100 ชิ้น
เพราะส่วนใหญ่อาจจะมีแค่ไม่กี่ชิ้นที่ขายได้ และ ได้รับความต้องการสูง
Lazada เรียกสินค้าพวกนี้ว่า สินค้าที่มีประสิทธิภาพ
(แปลว่าถ้าขายไม่ออกก็ไร้คุณภาพใช่ป่ะ 555)

2. การผลักดันสินค้า

สินค้าที่มีคุณภาพคือ ได้รับคำสั่งซื้อแรกภายใน 7 วัน
และได้รับ 5 คำสั่งซื้อใน 14 วัน

ถ้าผ่านเกณฑ์พวกนี้ Lazada จะผลักดันการมองเห็นเลื่อนให้เป็น สินค้าที่มีศักยภาพสูง หรือเรียกว่า PHP (Potential Hero Product)

ซึ่งถ้ายังขายได้เรื่อยๆ ได้ยอดขายโตขึ้นเรื่อยๆ
ก็จะถูกผลักเป็น Hero Product ในที่สุดครับ

ถ้าขึ้นได้สบายเลย เพราะการมองเห็น ยอดขายจะดีมาก
แต่เอาเรื่องจริงมั้ย!!
มันขึ้นยากมาก 555

ใครที่ไม่รู้ว่าสินค้าตัวไหน แบบไหนขายดีบน Platform
Lazada ก็มีแนะนำเครื่องมือ Opportunity Center (ศูนย์รวมโอกาส)
ให้คุณเข้าไปดูเล่นๆ ว่ามีสินค้าประเภทไหน ราคาเท่าไหร่ขายดีอยู่

ถ้าคุณมีช่องทาง หามาขายได้
คำนวณต้นทุนแล้วยังเหลือกำไร
หากเอามาขาย Platform ก็จะดันการมองเห็นให้ด้วยครับ

ในที่นี้มีเครื่องมือต่างๆอีกเช่น โปรโมชั่นราคา Early Bird
หรือ เครื่องมือโปรโมตสินค้าใหม่

ให้ผมพูดแบบไม่ขายฝันนะ
ต่อให้สินค้าคุณจะดีมาก แต่ไม่มีคนเคยซื้อไปใช้
ไม่เคยมีคนพูดถึง ราคาแข่งขันไม่ได้
ตั้งราคา Early Bird ไป ก็ไม่มีประโยชน์


คุณอาจจะต้องลองศึกษาวิธีโปรโมทสินค้านอก Lazada
ดึงลูกค้าเข้ามาซื้อ

หรือหาจุดเด่นที่ของคุณเด่นกว่าคนอื่นใน Platform แล้วชูจุดแข็งนั้น
จะโตง่ายกว่า

ถ้าสินค้าคุณเกิดติดลมบนขึ้นมาเริ่มเป็น PHP การมองเห็นก็จะดีขึ้นครับ
เพราะจะเริ่มได้สิทธิพิเศษมากมาย มากกว่าสินค้าที่ไม่ใช่ PHP

3. บริการเสริม

หลักๆ คือ Lazada กำลังบอกว่า บริการอื่นๆ ที่ Lazada มีอ่ะ มีอะไรบ้าง
ลองดูเล่นๆครับ ว่ามีอันไหนเหมาะกับสินค้าเราไหม ถ้ามีจะขอเปิดใช้บริการพวกนี้ยังไง

สรุป วิธีอัปยอดขาย แบบไม่ขายฝัน (โดยผมเอง 555)

1. เข้าร่วม Seller Package
ซึ่งเค้าจะบังคับให้คุณหัดส่งสินค้าเข้าแคมเปญต่างๆ
เติมเครดิต และใช้เครดิตโฆษณา รวมถึงเครื่องมือต่างๆใน Lazada

= ตรงส่วนนี้จะทำให้ สินค้าคุณเกิดการมองเห็น

2. เข้าร่วม Premium Package
เค้าจะบังคับให้คุณเสียอีก 5.35% เพิ่ม ซึ่งพอคุณกัดฟันเสียเพิ่มได้
คุณก็จะมีโค้ดส่วนลดที่ลูกค้าใน Lazada เก็บมาใช้กับร้านคุณได้
แต่ถ้าคุณไม่ยอมเสีย แทบจะไม่มีส่วนลดอะไรมาใช้กับร้านคุณได้เลย

= ตรงส่วนนี้จะทำให้ร้านคุณเกิดความคุ้มค่าในสายตาลูกค้า
(แต่จะซื้อคุณรึเปล่า ขึ้นอยู่กับคุณคุ้มกว่าร้านอื่นด้วยรึเปล่า 555+)

และ ถ้ามีคำถามว่า ทำไมเข้าแล้วยังขายไม่ได้
ให้ย้อนกลับไปบทความที่แล้ว เพราะลูกค้าเลือกซื้อด้วยความคุ้ม ถ้าคุณไม่คุ้ม คุณก็แค่ร้านที่โดนมองผ่าน

แค่นั้นแหละสั้นๆง่ายๆ

3. หาโอกาสใหม่เสมอ เช่น สินค้าใหม่ โดยใช้ศูนย์รวมโอกาส หรือผลักดันสินค้าใหม่ที่มีแววเป็น PHP เมื่อได้รับโอกาสแล้ว ให้เข้าร่วม LazFlash และ อื่นๆ ที่ได้รับเชิญครับ

สำหรับโพสถัดไปจะเป็น ช่วงที่ 4
สาเหตุที่ทำไมคุณต้องเข้าแคมเปญ Lazada? ทำไมคนที่ไม่เข้าถึงขายไม่ดี ร้านไม่โต ยอดขายไม่ดี

อย่าลืมกดติดตาม Jade : เลือดสาดมาร์เก็ตติ้ง เพื่อไม่พลาดโพสถัดไปฮะ
เพจจริงต้องมีเครื่องหมายติ๊กถูกสีฟ้า

Categories
Lazada Seller Note

สถิตินักช้อปไทยที่น่าสนใจจาก Lazada Step UP your Success 2024 (ตอนที่ 2)

สำหรับ Part นี้เราจะมาพูดถึงเรื่องสถิติที่น่าสนใจของการซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์กันบ้างครับ

ส่วนใครที่พลาด ตอนที่ 1 แวะกลับไปอ่านได้ ที่นี่

สำหรับ Session นี้บรรยายโดยพี่ไว ธนาวัฒน์ มาลาบุปผา ผู้ก่อตั้ง Priceza และเป็น ซึ่งเป็นนายกสมาคม E- Commerce ไทย สรุปเรื่องสถิติทุกปีครับ ใครสนใจแวะไปติดตามพี่เค้าทาง Facebook ได้เลยนะครับ

ความน่าสนใจคือ ในภาคพื้นประเทศแถบ South East Asia ประเทศไทยประชากรเป็นลำดับ 4 แต่ยอดขายโตขึ้นเป็นอันดับ 2 แน่ะ

และ มูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซของไทย ปี 2024 น่าจะเป็นปีประวัติการณ์ที่ทะลุ 1 ล้านล้านบาทครับ ยังเห็นว่ายังเป็นแนวโน้มที่เป็นเทรนด์ขาขึ้นจริงๆ ใครไม่ขายออนไลน์คือกำลังตัดสินใจทิ้งรายได้ก้อนใหญ่ไปจริงๆ

คาดการณ์ส่วนแบ่งตลาดอีคอมเมิร์ซเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

1. Marketplace : 52 > 55% (รวมคู่แข่งรายอื่นด้วย)
2. Social Commerce : 21 >> 28%
3. Quick Commerce : 11%
4. e-Tailers และ พวก Brand.com : 6%

ที่น่าสนใจคือปัจจัยที่ส่งผลให้คนไทยซื้อของออนไลน์ปีนี้ถูกเปลี่ยนไป
จากอันดับ 1 ที่คนซื้อสินค้าออนไลน์มองหา ส่งฟรี

กลายเป็น คนมองหาคูปองและส่วนลดเป็นอันดับ 1

และ ที่น่าสนใจอีกเรื่องคือ
คืออันดับ 4. เรื่องการคืนสินค้าได้ง่าย พุ่งมาจากอันดับ 6.
คงเป็นเพราะมิจฉาชีพเยอะ คนเลยอยากอุ่นใจมากขึ้น

อยากขายดีในออนไลน์? ต้องตีโจทย์ข้อนี้ให้แตก
คุณต้องให้คนซื้อรู้สึกว่าเค้ากำลังซื้อสินค้าที่ คุ้มค่าและคุ้มราคา ให้ได้

ถ้ารู้ตัวว่าสู้เรื่องราคา (ที่คุณมักแข่งขันไม่ได้)
ก็ต้องเพิ่มในด้าน ประสบการณ์ / แบรนด์ดิ้ง / Personalization
ให้มากกว่าคู่แข่งในธุรกิจเดียวกันให้ได้
เพราะถ้าเพิ่มไม่ได้ก็เตรียมตัวโดนมองข้ามไปได้เลยครับ

แม้ว่าจะซื้อสินค้าจาก Marketplace เป็นหลัก
แต่อย่าลืมว่า 6 ใน 8 ขั้นตอน ลูกค้าเกิดการรับรู้ และ พิจารณาจากช่องทางออนไลน์เป็นหลัก

ตรงนี้หมายถึง Touch Point ครับ นั่นเป็นเหตุผลที่ทำไมเราต้องทำ Social Media หลากหลายช่องทาง ให้เกิด Touch Point ที่ว่ากับกลุ่มลูกค้าเรามากที่สุด

OmniChannel จึงเป็นที่มาของทางรอดในยุคนี้ เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป ยังไงส่วนใหญ่คนต้องหาข้อมูลจากออนไลน์ก่อน แต่จะไปจบที่ออนไลน์ หรือ ออฟไลน์เนี่ยอีกเรื่องนึง

แต่ถ้าคุณทำการตลาดแค่ออฟไลน์อย่างเดียว ก็ไม่แปลกที่ส่วนแบ่งทางการขายหายไปเรื่อยๆครับ

และยุคทองของอินฟลูเอนเซอร์มาเป็นรูปธรรมมากขึ้นแล้ว เพราะ บทสำรวจบอกว่า 81% ซื้อตามชาวบ้านที่รีวิว 555
โดยเฉพาะหมวด ความงาม แฟชั่น และ อุปโภคบริโภค นี่ตัวแม่เลย

เพิ่มเติมคือ รูปแบบที่อินฟลูฯ ได้รับค่าตอบแทนก็เปลี่ยนไป
แต่ก่อนรับงานเป็นจ๊อบแล้วจบกัน
แต่ปัจจุบันค่าจ้างจะมาในรูปแบบขอเป็น % จากยอดขายแล้ว

สรุปประเด็น Part นี้
1. ทำให้คนซื้อคุ้มได้มั้ย?
2. มีช่องทางการขาย การให้ลูกค้ารู้จักเหมาะสมมั้ย?
3. สินค้าของเราเข้าข่าย และเหมาะสมการใช้อินฟลูเอนเซอร์มั้ย?

กำลังอ่านเพลิน อยากอ่านต่อ?
ตอนที่ 3 วิธีขายดีตามที่ Lazada แนะนำ

อย่าลืมกดติดตาม Jade : เลือดสาดมาร์เก็ตติ้ง เพื่อไม่พลาดโพสถัดไปฮะ
เพจจริงต้องมีเครื่องหมายติ๊กถูกสีฟ้า

มีคำถามอะไรเพิ่ม ถ้าตอบได้จะตอบให้
Comment ไว้ได้เลยจ้ะ

Categories
Lazada Seller Note

สรุปสิ่งที่น่าสนใจในงาน Lazada Step UP your Success 2024 (ตอนที่ 1)

งานนี้มีการจัดทั้ง Offline และ Online ครับ ซึ่งคุณสามารถตามไปดู Facebook Live ย้อนหลังของเพจ Lazada Happy Selling ครับ
https://www.facebook.com/lazadahappyselling/videos/849926670559981

ก่อนที่คุณจะอ่านต่อ ผมขออนุญาตสรุปโดยใช้ภาษาตรงไปตรงมา คือ
งานนี้ Lazada ขายความเชื่อมั่นว่าเค้ายังเป็น Platform ที่ขายดี มีผู้ขายและแบรนด์ที่ขายดี มีอนาคตไกล และ วาดภาพให้ผู้ขายฟังว่า ควรจะใช้บริการอะไรของ Lazada บ้าง

และให้คุณเริ่มมีเหตุผลในหัวว่า ทำไมคุณถึงควรขายบน Lazada ใช้เครื่องมือ ซื้อโฆษณา หรือ ลงเม็ดเงินบน Lazada เพิ่ม

วิสัยทัศน์ ของ Lazada ยังเหมือนเดิม
คืออยากสนับสนุนแบรนด์และผู้ประกอบการที่มาขายในแพลตฟอร์มตัวเองให้เติบโต

เปิดตัวด้วยว่าเชื่อหรือไม่ว่าไตรมาสล่าสุดที่ผ่านมา
เทียบจากยอดขายปีที่ผ่านมา ยอดขายยังโตขึ้นกว่าเดิม 32%

ซึ่ง Lazada บอกว่า Ecosystem ก็ครบแล้วตามภาพ
ทำให้การให้บริการของเค้าไม่สะดุด รองรับผู้ขายอย่างคุณแน่ๆ

ส่วนทิศทางและกลยุทธ์ที่ Lazada กำลังลงทุนและสนับสนุนต่อ คือ

1. ส่งเสริมยอดขาย LazMall ซึ่งให้แบรนด์สามารถทำ Brand Membership เพื่อให้ผู้ซื้อกดเป็นสมาชิกเพื่อทำ Deal พิเศษโดยเฉพาะได้
และ สามารถทำแคมเปญ Brand Day ได้

ผู้เขียน : ตรงนี้ทุก Platform ต้องการดัน Brand อยู่แล้วครับ
เพราะ Brand เองมีงบเยอะ ทุนหนา มากกว่าร้านรับมาขายไปแน่ๆ
ซึ่งถือว่าเป็นวาฬ ลูกค้าตัวจริง กระเป๋าหนัก ที่ทำเงินให้ Platform ได้มาก

2. กลุ่มลูกค้าผู้หญิง ปกติ Lazada จะมี LazBeauty และ Lazlook เพื่อคนซื้อกลุ่มนี้ ที่เพิ่มเติมคือ กำลังจะมีการจัดโปรเพิ่มเติมในฝั่งแฟชั่น Lazlook ในทุกๆวันศุกร์ด้วย

จะทุ่มงบจัด แคมเปญ เพื่อสินค้าบิวตี้และแฟชั่น และยกแคมเปญพวกนี้ให้เป็นระดับ A+ (คือให้ความสำคัญสูงพอๆกับ Mid Month , Payday หรือ Double Digit ที่ไม่ใช่พวก 9.9 / 11.11)

ผู้เขียน : ผมว่าหมวดหมู่นี้กำลังเป็นที่สนใจและดูเหมือนแต่ละ Platform กำลังแข่งขันกันน่าดูเลยครับ (น่าจะมูลค่าในตลาดโดยรวมเยอะ)

3. คนซื้อได้ของไว คนขายต้องส่งของไว เค้าบอกว่าตอนนี้ขนส่งไวแบบนี้ครอบคลุมพื้นที่กว้างขึ้นเป็น 23 จังหวัดแล้วนะครับ (เดิมทีเริ่มแค่ กทม. และ ปริมณฑลเท่านั้น)

4. เครื่องมือโปรโมตสินค้า เป็นที่แน่นอนอยู่แล้วว่าร้านที่ใช้เครื่องมือและจ่ายโฆษณาของ Lazada อย่างต่อเนื่องจะมียอดเข้าชม และยอดขายเพิ่มขึ้น มากกว่าร้านที่ไม่จ่ายอะไรให้ Lazada เพิ่มเติมอยู่แล้ว

และในช่วงปีนี้จะเปิดเครื่องมือใหม่ ชื่อ Sponsored Max
และ Direct Matching Sponsored Affiliate ด้วย เดี๋ยวมาเล่าให้ฟังต่อครับ

5. ยกระดับ AI
ช่วยปรับรูปภาพ / ช่วยเขียนคำอธิบายในตัวสินค้าได้ / มี Chatbot ช่วยตอบคำถามลูกค้าเบื้องต้นให้ได้

ถ้าคุณกำลังจะหาทางโตยอดขาย เป็นร้านขายดีใน Lazada ได้
นี่ก็คือแผนที่ ที่คุณควรทำเบื้องต้น


Lazada อธิบายว่า จริงๆ ทุกขั้นบันไดในการเติบโตยอดขาย
คุณจะลงขายสินค้าเฉยๆ ก็ได้
แต่ถ้าคุณอยากมีการมองเห็นที่ดีกว่าร้านทั่วไป
คุณควรเข้าร่วม Seller Package ที่ Lazada มีขาย…

(ใช่คุณอ่านไม่ผิด Package พวกนี้ คือเอามาขายผู้ขายเพิ่มครับ)

ถ้าคุณกำลังจะถามว่า แล้วขายอะไร?
ผมสรุปสั้นๆให้ว่า
เป็นการใช้เครื่องมือต่างๆที่ Lazada มีนั่นเอง

ยกตัวอย่างเช่น การส่งสินค้าเข้า Campaign
หรือ ให้เติมเงินค่าโฆษณาในระบบ
ลองใช้ระบบ Lazada Partner Affiliate เป็นต้น

และในระดับสูงๆ ขึ้นไป
ก็จะมีการบังคับตัวเลขยอดขายในแต่ละเดือนด้วย
ซึ่งหากทำถึงเป้าได้ก็จะมีสิทธิพิเศษเพิ่มให้ เป็นส่วนลดต่างๆ

ตรงนี้สิ่งที่ Lazada กำลังทำ
เหมือนกับเค้ากำลัง UPSELL ให้คุณใช้บริการเค้ามากขึ้น
เมื่อจ่ายเงินให้ Lazada มากขึ้น
คุณจะได้รับการมองเห็นที่มากขึ้น
และมันทำให้เกิดการเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขันกับผู้ขายรายอื่นในแพลทฟอร์มนั่นเอง

ถ้าเปรียบเทียบง่ายๆ ให้คนขายอย่างคุณเข้าใจง่ายๆ คือ
ถ้าปกติมีคนซื้อของคุณเยอะ คุณอาจให้ราคาส่ง

แต่ในแง่ Lazada
ยิ่งคุณขายได้เยอะ = Lazada ได้ค่าธรรมเนียมมาก และ
ยิ่งคุณใช้เครื่องมือ Lazada เยอะ = Lazada ได้เงินเพิ่มขึ้นมาก

ในแง่ Platform ราคาส่งก็คือ
ลดค่าธรรมเนียม ให้โค้ดเพิ่ม หรือ มีส่วนลดพิเศษต่างๆ ตามระดับที่คุณขายได้นั่นเอง

ไม่ต้องห่วงนะครับว่า Seller Packages พวกนี้เราจะเข้าร่วม หรือ ซื้อได้อย่างไร เพราะ หากเราเป็นผู้ขายที่อยู่ในระดับไหน ส่วนใหญ่จะมีเจ้าหน้าที่ Lazada ติดต่อมาขอขาย Packages ให้เราเองครับ

เช่น ถ้าคุณสมัครเปิดร้านใหม่ ในระบบหลังบ้านคุณ จะขึ้นหน้าจอ NEW SELLER PACKAGES อัตโนมัติ ว่ามีภารกิจอะไรที่คุณควรทำบ้าง

ส่วนแพคเกจอื่นๆ ถ้าคุณปั้นยอดขายได้ในระดับนึง จะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อมาแนะนำ (ขายเพิ่ม) เองครับ ไ่ม่ต้องกังวล

ส่วนเครื่องมืออื่นๆ ที่ถูกพูดถึงคือ ศูนย์รวมโอกาส
ซึ่งผู้ขายทั่วไปสามารถเข้าไปดูในหน้าหลังบ้านของ Lazada ได้
ว่าสินค้าใดขายดี และถ้าอยากขายดี ก็แค่หาสินค้านั้นมาขาย

แต่ส่วนตัวผมเข้าไปแล้วพบว่า
ส่วนใหญ่มีแต่สินค้าจีนที่ยากมากจริงๆครับ
ที่คุณจะขายได้ถูกกว่าที่ Platform มีอยู่
เพราะส่วนใหญ่คนจีนมาขายเองถูกกว่าต้นทุนที่คุณน่าจะได้มา
หรือ ถ้าคุณตั้งราคาขาย คุณน่าจะขาดทุนไม่พอจ่ายค่าภาษีครับ

แต่ไม่เสียหายอะไรถ้าคุณจะลองกดเข้าไปดูเล่นๆด้วยตัวเองครับ
เข้าเมนูหลังบ้าน แล้วกดศูนย์รวมโอกาสตามภาพ

ส่วนอีกเมนูด้านล่างที่เขียนว่า ศูนย์การเติบโตของสินค้า
ตรงนี้สำหรับมือใหม่น่าสนใจครับ

เพราะ Lazada จะวิเคราะห์มาแล้วว่าสินค้าในร้านคุณตัวไหนกำลังได้รับความนิยม และจะเริ่มผลักดันการมองเห็นเพิ่มเติมให้ด้วยครับ
ซึ่งเงื่อนไขที่ต้องทำคร่าวๆก็มีตามภาพ

ส่งท้ายปลายปี 2024 นี้ ด้วยแคมเปญพวกนี้ที่กำลังจะผลักดันต่อไป
โดยเริ่มตั้งแต่เดือนกันยายนปีนี้ Lazada จะยืดระยะเวลาลดราคากลางเดือน Mid Month ให้เป็น 3 วัน คือ 15-17 (แต่เดิมจะมีแค่วันเดียว วันที่ 15)

สำหรับโพสถัดไปจะเป็นช่วงที่เป็นสถิติของการซื้อของผู้บริโภคในไทย
เพื่อไม่ให้โพสยาวเกินไปผมขออนุญาตแบ่งเป็นตอนที่ 2 กดอ่านที่นี่

อย่าลืมกดติดตาม Jade : เลือดสาดมาร์เก็ตติ้ง เพื่อไม่พลาดโพสถัดไปฮะ
เพจจริงต้องมีเครื่องหมายติ๊กถูกสีฟ้า

มีคำถามอะไรเพิ่ม ถ้าตอบได้จะตอบให้
Comment ไว้ได้เลยจ้ะ