Categories
Shopee Seller Note

Day 4.5 ทำไมขายของใน Shopee ไม่ดีเหมือนขายใน Lazada?

คำถามที่ดี นำให้เรามาสู่คำตอบที่ดีเสมอ

หากคุณเป็นพ่อค้า แม่ค้าที่มี ยอดขายใน Lazada ดีกว่า
และอยากขยับขยายเปิดสาขา ขายใน Shopee
แต่รู้สึกว่าทุกอย่างมันดูยากไปหมด

และยอดออเดอร์มันก็ดูไม่น่าพอใจเหมือนที่ขายที่เดิมเลย

คุณไม่ต้องรู้สึกแปลกหรอก มันคือเรื่องปกติน่ะแหละ

เพราะนักเรียนของผมหลายคนที่ถามคำถามนี้เหมือนกัน
ทั้งๆที่ขายสินค้าเหมือนกัน ตกแต่งร้านคล้ายๆกัน
ทำเหมือนกันแทบทุกอย่าง (บางคนใช้รูปเดียวกันหมด)
แต่ทำไมเราถึงขายไม่ดีเหมือนเดิม
ทั้งๆที่ก็ทำทุกอย่างใน Shopee เหมือน Lazada แล้วนี่นา

ผมว่าคลิปนี้ น่าจะมีคำตอบดีๆให้คุณนะครับ

สู้ไปพร้อมๆกัน
Jade : เลือดสาดมาร์เก็ตติ้ง
22.12.2020

Categories
Shopee Seller Note

Day 4 : เรากำลังอยากได้ยอดขายดีๆ จากหน้าร้านแย่ๆ

มันจะดีกว่าไหม ถ้าลูกค้าเข้าร้านเราเท่าเดิม
แต่มีโอกาสซื้อของจากเราเยอะขึ้น?

และจะดีกว่าหรือเปล่า ถ้า ลูกค้ามีโอกาสซื้อของเราเยอะขึ้น
และเข้าร้านมามากกว่าเดิม?

คำถามปลายเปิดที่ผมถามทุกคนในคลาส
เพื่อให้ล้อกับสมการ รายได้ง่ายๆ
รายได้ = จำนวนคนเข้าดู x ค่าเฉลี่ยยอดสั่งซื้อ x อัตราการซื้อ

สมการนี้หากินได้จนวันตายเลยครับ

Conversion หรือ เรียกว่าอัตราการซื้อ

ยกตัวอย่างง่ายๆ ถ้ามีคนเดินเข้ามาในร้านเรา 100 คน
สุดท้ายซื้อของออกไป 1 คน
แปลว่าเรามีอัตราการซื้ออยู่ที่ 1%

แต่ถ้าเรามีหน้าร้านที่ดี สินค้าน่าสนใจ มีรีวิวที่ดี
ตลอดรวมถึงมีการให้รายละเอียดที่ดี
ดีจนลูกค้าไม่ต้องถามอะไรมาก และเชื่อใจ
จะทำให้ตัวเลขตรงนี้สูงขึ้นได้มาก

ค่า Conversion นี้จะสูงขึ้นจากวันปกติ โดยเฉพาะในวัน Dday
หรือที่เราเรียกกันว่า 11.11 , 12.12

อาจจะแปลว่า คนเดินเข้ามา 100 คน
ซื้อของออกไปมากถึง 20 คน ได้เลย
(เราเรียกว่า Conversion 20%)

เราจะเห็นได้ชัดเจนว่าตัวเลขวันทั่วๆไป จะไม่ได้สูงมาก
เพราะมันไม่ได้แปลว่าคนดูสินค้าทุกประเภทแล้ว
จะซื้อได้ภายในครั้งเดียว

เช่นถ้าผมขายลู่วิ่งไฟฟ้า ราคา 15,000 บาท
คงไม่ง่ายเหมือนขาย แปรงปัดขนตาราคา 8 บาท
หรือขายยางรัดผม 1 บาท

ซึ่งผู้อ่านทุกท่านสามารถเช็คข้อมูลตรงนี้ได้จากหน้าหลังบ้าน

Shopee Seller Center > Business Insights

เราจะเห็นตัวเลขกราฟอยู่ว่า ตอนนี้ Conversion เราเป็นอย่างไร
และสามารถย้อนเช็คแบบรายวัน รายสัปดาห์ หรือ รายเดือนได้ด้วย

เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก
เพราะ เราที่เป็นเจ้าของร้าน มักมองว่าร้านเราดีเสมอ
แต่อาจต้องทำความเข้าใจเสียใหม่

เพราะคนที่จะมองว่าร้านเราดีหรือไม่
คือลูกค้าที่จะซื้อไม่ใช่เจ้าของร้านมโนไปเอง
และตัวเลขเหล่านี้ไม่สามารถหลอกได้

ผมเคยยกตัวอย่างด้วยรูปภาพนี้ไปในคลิปฟรี คลิปหนึ่งทาง Youtube
พร้อมรูปภาพ รูปหนึ่งซึ่งผมตั้งใจ Retouch มันมาก
(แต่น่าเสียดายที่ไม่ค่อยมีคนสนใจมันเท่าไหร่นัก)

ทุกคนชอบใส่โค้ดส่วนลด และทำเหมือนกับว่าร้านตัวเองไม่มีอะไรดีซักอย่างยกเว้นมีส่วนลด

ผมลองหาตัวอย่างดูในร้านค้าต่างๆกัน
ทั้งร้านที่มีคนติดตามเยอะในระดับหนึ่ง
กับร้านใหม่ที่ไม่มีคนติดตามเลย
หลายๆร้านมองข้ามเรื่องนี้ไป และยังทำอะไรคล้ายๆกัน
คือ พยายามใส่โค้ดส่วนลดมากๆ และทำตัวเองเป็นเหมือน
Big C หรือ Lotus

ราวกับอยากจะบอกว่า
ร้านกูไม่มีอะไรนอกจากส่วนลดที่ถูกที่สุด

(แล้วพากันมาบ่นทีหลังว่าต้องต่อสู้ด้วยราคาอย่างเดียว)
(ไม่ขายถูกอยู่ไม่ได้)

ที่น่าเสียใจคือ
ร้านใหม่ๆที่กำลังเพิ่งเข้ามาลงสนามกำลังเข้าใจอะไรบางอย่างผิด
โดยมักบอกว่า
“คนอื่นเค้าก็ทำแค่นี้ ผมก็เลยทำแค่นี้”

“แล้วเขาขายมาก่อนคุณมานานแค่ไหน?”
“ตอนที่เขาขาย เขามีคู่แข่งเยอะมากเท่าตอนนี้ที่คุณโดดมาขายไหม?”

“….”

ต่อให้ร้านเหล่านั้นเคยเป็นร้านโชว์ห่วยมาก่อน

แต่เป็นร้านโชว์ห่วยที่
ขายมานานจนคนรู้จักทั้งตำบล และคนรอต่อคิวเข้าร้านเค้าแล้ว

(คลิปนี้เป็น Concept กว้างๆ ที่ผมไม่ได้พูดลึกมากเท่าในคลาส)

ซึ่งจุดที่ทำให้ร้านเราดี หรือ ไม่ดี มันคืออะไร
ผมยกตัวอย่างภาพนี้ในคลาสล่าสุด

ถ้าหน้าร้าน Online เปรียบเหมือน Offline ตอนนี้ Apple Store กำลังโฆษณาอะไร

Apple Store ตั้งใจทำให้ร้านดูดีมาก
ไม่ว่าจะเป็นหน้าร้านออนไลน์ (เว็บไซท์) และ ออฟไลน์

รวมถึงการจัดเรียงสินค้าต่างๆ บนโต๊ะ และแยกหมวดหมู่ค่อนข้างชัดเจน

ผมแนะนำว่าให้คุณลองไป Apple Store สาขา Central World ดู
และสังเกตดูดีๆ คุณจะพบว่า เขามีอะไรมากกว่าแบรนด์ Apple
แต่คำว่า Apple มันถูกฝังใน DNA ในทุกอณูจริงๆ

สภาพที่ตรวจการบ้านใน Live สด จนถึงห้าทุ่มกว่า มันก็ทรมานพอตัว

การที่จะขายให้ดี มันคงไม่ใช่แค่ถ่ายรูปสวย ตกแต่งร้านดี ตั้งราคาเก่ง
แต่มันเกิดขึ้นจากหลายๆอย่าง หลายองค์ประกอบ

คงไม่ต่างจากการทำเมนูอาหารที่อร่อยมากๆ
คงต้องพิถีพิถันตั้งแต่เครื่องปรุงนั่นแหละ

ขอให้คุณได้ผลลัพธ์ ที่คุณ (แอบฝึกวิชา) อย่างเหมาะสมครับ

Jade DDC3 Day 4
20.12.2020

Categories
Shopee Seller Note

Day 1.5 : วิธีขับเครื่องบินเจ็ทใน 10 นาที

เมื่อวานเป็นอีกวันที่ผมควรจะได้แนะนำพี่ๆน้องๆ ใน Shopee for Business Owner สำหรับ Module 2 สำหรับ Perfect Checklist ที่ร้านค้าควรทำ เพื่อให้เป็นร้านที่มี รากฐาน มั่นคง และได้ระดับมาตรฐานที่ผู้ซื้อพึงพอใจ

แน่นอนว่าผมเคยพูดไปใน Module 0 : ชิ้นส่วนที่หายไปในการทำธุรกิจ
ว่าสุดท้ายแล้ว

การที่คิดว่าเปิดร้านแล้วจะขายได้ ถ่ายรูปสวยๆจะขายดี
เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นในการขายของออนไลน์

Jade : เลือดสาดมาร์เก็ตติ้ง

มันมีอีกหลายจุดที่คนขายส่วนใหญ่พลาดมาก
และกำลังเสียโอกาสนั้นไปโดยไม่รู้ตัว

ที่เราเปิดร้านน่ะ มันอยู่แค่ขั้นตอนนี้เท่านั้น

ปรากฏว่าเมื่อวานผมไม่ได้สอน และไม่มีการเรียนเกิดขึ้นเลย
หลังจากที่ผมรอตรวจการบ้านและดูถึงประมาณช่วงตี 3 ที่ผ่านมา

สาเหตุเกิดจาก :
ช่วงเช้าผมวาง Bomb กลุ่ม ลงในกลุ่ม Line Inner Circle DDC3

ผมได้สั่งการบ้านหลัง Module 1 นิดหน่อย
และ ผลที่ได้จากการที่คนเข้าเรียนใส่ใจมันน้อยกว่า รุ่นก่อนหน้า
ทั้งๆที่ คุณจ่ายค่าเรียนแพงกว่า
มันทำให้ผมหงุดหงิดจัด

จริงๆ พวกเขาไม่ได้ผิด แต่บ่อยครั้งในชีวิตจริงที่เรามักเจอว่า
ทำไมมีบางคนชอบให้ Over expectation และหลายๆคนชอบทำแบบ Under expectation

จริงๆการบ้านนี้ เป็นการบ้านเหมือนรุ่นก่อนหน้าเลย เพียงแต่
คนก่อนหน้าทำได้ดีกว่า และเป็นภาพจำ ทำให้ผมเห็นความตั้งใจได้
แต่รุ่นนี้ทำได้ต่ำกว่ามาตรฐานที่ตั้งไว้
และผมรู้สึกว่ามันจะปล่อยผ่านเรื่องแบบนี้ไปไม่ได้เด็ดขาด

เพราะคนที่อยากได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น ไม่เคย ไม่ตั้งใจ

เราไม่สามารถแค่มองคนอื่นขายดี
มองวิธีที่เค้าสอน หรือลอกเลียนแบบร้านขายดีได้
แล้วขายดีทันที!!

ถ้าผมบอกว่า ผมอยากให้คุณขับเครื่องบินเจ็ทให้เป็นภายในสิบนาที
คุณจะทำยังไง?

คุณคงไปค้นหา Youtube กันใช่ไหม?
หรือไปดู Google ว่ามีสอนรึเปล่า?

ผลที่ได้คือ คุณอาจเห็นคนถ่ายวิดีโอ ขับเครื่องบินเจ็ท
หรือเจอ Manual ภาษาอังกฤษ PDF ในเว็บต่างๆ
แต่ถามว่าคุณจะขับได้ทันทีรึเปล่า?
จากการมองผ่านๆ และฟังครั้งเดียว

รู้ว่าวิวมันดี สวย ถ้าได้ขับ แต่ พอจะให้ขับจริงๆ คิดว่าจะขับได้ทันทีเลยไหม?

เพราะมันก็เหมือนกับ การสอบใบขับขี่รถยนต์
ที่เราจะเรียน หรือดูใน Youtube เทคนิคกี่รอบก็ได้
แต่สอบในสนามจริง คนส่วนใหญ่ก็มักจะสอบตก
เช่นขับเทียบฟุตบาทเกิน 1 ฟุต
หรือถอยหลังเข้าซองแล้วเสือกชนกรวยที่ตั้งไว้
หรือแม้กระทั่ง เหยียบเบรคเกินเส้นขาว ถูกไหม!!

เพราะ การเรียนโดยการมองดู หูฟัง
กับการเรียนโดย Take Action และลงมือทำมันต่างกันโดยสิ้นเชิง
!!

โชคดีที่เราสื่อสารกันรู้เรื่อง!!

ผมลองนั่งหาสาเหตุดูว่า ทำไมผมต้องโกรธ ในสิ่งเหล่านี้ด้วย
ทั้งๆที่จริงๆ ผมไม่ต้องสนใจก็ได้ และสอนต่อไปให้จบๆ
หรือ Copy Slide เดิมที่เคยสอนรุ่นก่อนหน้ามาสอนผ่านๆไปก็จบ
(และมันง่ายสำหรับผมด้วย)

ใครจะอยากเสียเวลา เวลาใครก็มีค่า ถูกไหม?

แต่ผมก็พบว่า
ผมเองไม่เคย Copy Slide เก่ามาสอนใหม่เลยแม้แต่ครั้งเดียว
(ถ้ามีก็ตัวอย่างแค่ 10-20% เท่านั้น)

และส่วนใหญ่ตัวอย่างในนั้น ดันเป็นการบ้านที่นักเรียนทำมา
และผมช่วยปรับแก้ต่างหาก!!

ผมเลยเข้าใจเลยว่า
มิน่าล่ะ ทำไมผมถึงไม่สามารถเริ่มคลาสเรียนได้
เพราะ เวลาผมสอน ผมยึดจากผลลัพธ์ของคนเรียนเป็นหลัก
ไม่ใช่ผลประโยชน์ส่วนตัวที่ต้องสอนให้จบๆไปนี่หว่า!!

Key หลักที่ผมได้ และเข้าใจเลยคือ
คนส่วนใหญ่มองผลประโยชน์ตัวเอง
ก่อนมองผลประโยชน์ของลูกค้า

ผมเลยไม่แปลกใจเลยว่ามีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น

เอาจริงๆ … มันคงไม่ใช่เรื่องของการสอนหรอก

คุณอาจจะเอาสิ่งนี้ไปใช้กับธุรกิจที่คุณทำอยู่ก็ได้

เพราะสุดท้าย ไม่ว่าจะยังไง


ธุรกิจที่เกิดขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นการ ขายสินค้า / บริการ
มันเกิดมาเพื่อ แก้ไข เติมเต็ม ให้ลูกค้า
เกิดผลลัพธ์ ที่ดีขึ้นกับชีวิตเขา
มันไม่ได้เกิดมาเพื่อทำเงินให้คุณโดยที่คุณทำอะไรเท่าเดิม!!

คนส่วนใหญ่อ่านแล้วก็ข้ามๆ สิ่งเหล่านี้ไป
เพราะคนไม่สามารถรับรู้แบบลงลึกรายละเอียด

ในแบบพยายามขับเครื่องบินเจ็ทในสิบนาทีให้เป็นไงล่ะ!!

อยากเป็นคนส่วนใหญ่ทำแบบเดิม
อยากเป็นคนส่วนน้อย ทำแบบที่คนส่วนใหญ่ไม่ทำ

ขอให้คุณได้ผลลัพธ์ ที่คุณ (แอบฝึกวิชา) อย่างเหมาะสมครับ

Jade DDC3 Day 1.5
5.12.2020

Categories
Shopee Seller Note

Day 1 : โปรลับขาย Shopee

เมื่อวานเป็นวันแรกที่เราเริ่มคลาส Shopee for Business Owner (DDC3)
เป็น Module ที่ 1 ของคลาสนี้

ผมตั้งชื่อมันว่า ” The Red Carpet ”
เพราะ ทุกร้านค้าไม่เคยมีแต้มต่อที่เท่ากัน

ตัวอย่างภาพประกอบในคลาส Shopee for Business Owner : Module 1 The red carpet


บ่อยครั้ง เราจึงเห็นที่มา บางร้านเปิดแป๊บเดียวขายดีทันที
บางร้านใช้ความพยายามเต็มที่ ขายดีขึ้น แต่ช้ามาก

หลายๆคนรู้ตัวอีกที คู่แข่งที่ไม่เคยเปิด และเราไม่เคยใส่ใจ
อยู่ดีมาเปิดแล้วยอดขายเทียบเท่า หรือแซงเราไปแล้วจนเราเองก็งง

เพราะ ขาย Shopee มีโปรลับ สำหรับร้านค้าใหม่ในหลายรูปแบบ
(และมี โปรลับ สำหรับร้านค้าเก่าๆเช่นกัน)

ตัวอย่างภาพประกอบในคลาส Shopee for Business Owner : Module 1 The red carpet

ถ้าใช้ภาษาพี่คนหนึ่งในคลาสนี้
(พี่คนนี้ เป็นร้านดังที่สินค้าพี่เค้าติดอันดับ 1 ในหมวดหมู่ของ Shopee)
(และขึ้นทุก Homepage Banner ของ Shopee แล้ว)

พี่เค้าบอกว่า “ร้านพวกนี้เหมือนได้ขึ้นลิฟท์แก้ว”
ขึ้นมาชั้นบนสุด เห็นยอดวิวสวยๆทันที

โดยที่ไม่ต้องเสียเวลาปีนบันไดเหมือนคนทั่วๆไป
ที่ต้องใช้เวลา และ แรงงานสูง

พี่เค้าเองก็เจอประสบการณ์นี้กับตัว
คือร้านคู่แข่งอยู่ดีๆก็ได้โปรลับ
และทำยอดได้เทียบเคียงร้านพี่เค้าที่เปิดมาก่อนทันที!!

แต่ก็อย่างที่ผมบอกน่ะแหละ ว่า พี่ไม่ได้เจอคนเดียวซักหน่อย วงการผมก็มี 555

ซึ่งแน่นอนว่า “ที่มา” ของการได้สิทธิพิเศษเหล่านั้น
ล้วนแตกต่างกัน
และ Shopee เอง ก็มีระดับ “โปรลับ”
สำหรับผู้ขายที่เขาต้องการในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป

ที่สำคัญคือ เราอยู่ในกระบวนการไหน
และปลายทางกระบวนการนั้น มันมีโปรลับรอเราอยู่รึเปล่า!?

ผมทิ้งท้ายโดยการเชื่อมโยงไปถึงเรื่อง Product Life Cycle และ
ต่อยอดให้เห็นภาพรวมว่า แผนภาพง่ายๆเหล่านี้
มันส่งผลต่อยอดกับธุรกิจเราได้อย่างไร

หลังจากคลาสเรียนจบ เรายังมาคุยกันต่อใน Line Inner Circle
ทำให้เราได้เรียนรู้จาก ประสบการณ์ของแต่ละคนว่า
โปรลับที่ผมนำมาบอกเป็นเรื่องจริง และ หลายๆคนเคยได้โปรลับนี้แต่ไม่ได้ใส่ใจ จนทำให้ช่วงหมดโปร ต้องเสียใจอย่างน่าเสียดาย

(เพราะโปรลับนี้ ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้นและจะไม่กลับมาใหม่อีก)

ผมดีใจที่ความตั้งใจของผมถูกส่งผ่านมายังผู้คน
เพราะเรื่องราวความสนุกมันไม่ได้จบแค่เฉพาะใน Live VDO
แต่ความสนุกดันต่อยอดและส่งต่อมาถึงในกลุ่ม ที่ เจ้าของกิจการ
หรือพี่น้องหลายๆคนที่ยอดทะลุล้านไปแล้ว ในช่องทางอื่นเช่น Lazada
มาแชร์กัน

(และผมเพิ่งรู้ทีหลังว่า พี่คนนึงที่เข้ามาเรียน)
(ผมและพี่เค้าเคยขายสินค้าตัดราคา เปรียบเทียบกันมาก่อนเมื่อ 8 ปี ที่แล้ว)

วันนี้เรากลับมาในสภาพใหม่ ที่เป็นพี่น้องกันได้
เราแชร์กันได้ และเข้าใจในภาพรวมในรูปแบบของคนมีความคิดเป็นผู้ใหญ่คุยกันเพื่อต่อยอดให้อีกฝ่ายได้ไปต่อ
ไม่ใช่มองหน้า หรือต้องแอบส่องเพื่อตัดราคากันตลอด
ชีวิตมันสั้นเกินกว่าที่จะต้องแก่งแย่งชิงดีกันจนตาย

พี่ๆ น้องๆ หลายคน เริ่มแชร์ เทคนิคต่างๆ ที่ตัวเองได้รับประสบการณ์ทั้งดี และ ไม่ดีจากบน Platform ต่างๆ

ซึ่งรูปแบบเครื่องมือ และการเติบโตของแต่ละ สาขาบนออนไลน์
ที่ใช้แล้วได้ผล หรือไม่ได้ผล

ย่อมแตกต่างกันไป ตามลักษณะของ Ecommerce Platform นั้นๆ และ แนวทางของบริษัทฯ ที่แตกต่างกันออกไป

ผมเคยพูดติดตลกว่า
ค่าคลาสมันคือของแถม แต่ ของจริงคือ Connection

และมันคือสิ่งนั้นและเห็นผลชัดเจนจริงๆ ตั้งแต่ Module 1
(ซึ่งผมเองก็ประหลาดใจเหมือนกัน)
(ราวกับคนพวกนี้เคยรู้จักกันมาก่อน แต่เปล่าเลย!!)

ความรู้สึกส่วนตัว
ผมรู้สึกว่าเป็นคลาสที่สนุก
ผู้เรียนเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง
และความเข้มข้นของมัน ไม่ได้อยู่ที่วิดีโอ
แต่อยู่ที่สังคมภายในที่ช่วยเหลือพี่น้องซึ่งกันและกันเป็นอย่างดี

ผมเรียนรู้บทเรียนสำคัญมากในชีวิตคือ กลุ่มเพื่อนที่ดี
จะพาเราไปสู่ผลลัพธ์ที่ดี

และเรามักเป็น
ค่าเฉลี่ยของเพื่อนที่เราคบหา

การลองด้วยตัวเองทุกอย่างเป็นเรื่องดี
แต่น่าเสียดาย
ชีวิตเราไม่สามารถลองทุกอย่างที่ใช้เวลาได้มากขนาดนั้น
เพราะเรายังมีชีวิตที่ต้องไปต่อ และครอบครัวที่ต้องดูแล

หลายๆครั้ง การมีความพยายามไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดี
แต่ความพยายามในจุดที่ควรหรือไม่ควรทำในตอนนั้น
อาจไม่ใช่คำตอบ และเราอาจท้อไปก่อนที่จะถึงเป้าหมายนั้น

สู้ๆครับ

Jade DDC3 Day 1
3.12.2020